ข่าววันนี้

ประวัติ เบน ไวท์ กองหลังที่ยืนยันว่าเขาไม่ชอบดูบอล

เบน ไวท์

ประวัติ เบน ไวท์ กองหลังที่ยืนยันว่าเขาไม่ชอบดูบอล เป็นเรื่องปกติของนักเตะหลาย ๆ คนที่กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ แต่ละคนมักจะมีจุดเริ่มต้นมาจากการติดชมการแข่งขันกีฬาชนิดนี้ตั้งแต่วัยเยาว์ ไม่ว่าจะกับคนที่บ้านคลั่งไคล้เป็นทุนเดิม หรือแม้แต่การติดตาม ศึกษาและฝึกฝนทักษะตามไอดอลคนโปรด 

แต่ถึงอย่างไร ใช่ว่านักเตะอาชีพทุกคนจะมีจุดเริ่มต้นจากการรับชมทั้งแบบที่ติดตามบนอัฒจันทร์หรือการเฝ้าหน้าจอมาตั้งแต่เด็กเสมอไป เพราะยังมีนักเตะจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ชื่นชอบการดูฟุตบอล ไม่ได้ติดตามซูเปอร์สตาร์คนใดเป็นพิเศษ ทว่าเขากลับเลือกเดินในเส้นทางลูกหนัง แถมยังยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นแข้งแถวหน้าคนหนึ่งในวงการได้ 

และ Ben White กองหลังดีกรีค่าตัว 50 ล้านปอนด์ของอาร์เซนอล คือหนึ่งในนั้น แล้วทำไม ไวท์ ถึงไม่ได้ชอบดูหรือติดตามฟุตบอลเฉกเช่นนักเตะคนอื่น ๆ ตามปกติ และทำไมเขาถึงเลือกเอากีฬาชนิดที่ตัวเองไม่ได้ติดตามมาประกอบอาชีพจนกลายเป็นสุดยอดแข้งแห่งพรีเมียร์ลีก วันนี้มาติดตามเหตุผลนั้นไปพร้อม ๆ กัน

เบน ไวท์ มาพื้นฐานจากเด็กที่บ้านไม่ดูบอล 

เบนจามิน ไวท์ หรือ ที่แฟน ๆ ฟุตบอลอังกฤษรู้จักในนาม Ben White เกิด และเติบโตขึ้นทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ที่เมืองพูล (Poole), บอร์นมัธ เบนจามิน ไวท์ มีคุณพ่อ แบร์รี่ ไวท์ ทำงานเป็นคนสวนและก่อสร้าง มีคุณแม่แคร์รอล ทำธุรกิจเสริมสวยและเป็นแม่บ้าน 

ทั้งสองมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหาเงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว และไม่ได้ติดตามกีฬาชนิดใดมากเป็นพิเศษ นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่หล่อหลอมให้เบนไม่ชอบที่จะดูหรือติดตามฟุตบอล ซึ่งเป็นอิทธิพลที่ได้รับมาจากผู้ใหญ่ในบ้าน และเขาเองก็มีพฤติกรรมเช่นนี้มาจนถึงปัจจุบัน 

อย่างไรก็ดี เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็ก ๆ จำนวนไม่น้อยล้วนแต่เคยมีช่วงเวลาที่ได้ออกไปสนุกและได้ออกไปสัมผัสประสบการณ์ต่าง ๆ นอกเหนือจากการใช้เวลาอยู่บ้านกับครอบครัว และการที่ เบนจามินไวท์ ในวัยเยาว์มีโอกาสเผชิญโลกข้างนอก มันก็ทำให้เขาได้รู้จักกับกีฬาฟุตบอล 

กระทั่งกลายเป็นเด็กที่ชอบเตะฟุตบอลนับแต่นั้น และเมื่อที่บ้านรู้ว่าลูกชายเริ่มรู้จักและชอบการเล่นฟุตบอล หน้าที่ของพ่อและแม่ของ เบนจามิน ไวท์ คือการสนับสนุนลูกชายคนนี้ไปจนสุดทาง

พ่อแม่ซัพพอร์ตเขาอย่างเต็มที่ เบน ไวท์

แม้จะมาจากครอบครัวที่ทั้งพ่อและแม่ไม่มีประวัติใด ๆ เกี่ยวข้องกับฟุตบอล ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาในฐานะแฟนลูกหนัง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่พ่อและแม่จะปิดกั้นลูกชายในการก้าวสู่เส้นทางอาชีพไปกับกีฬาชนิดนี้ เมื่อรู้ว่าลูกชายรู้สึกสนุกและอยากเดินบนเส้นทางฟุตบอล ทั้งแบร์รี่และแคร์รอลก็ซัพพอร์ตลูกชายแบบเต็มอัตรา 

ที่เหลือก็รอให้ทั้งพรสวรรค์และพรแสวงทำงานไปตามกลไก สุดท้ายสโมสร เซาท์แธมป์ตัน คืออคาเดมีฟุตบอลที่แรกที่ให้โอกาส ไวท์ เข้ามาฝึกปรือเป็นเด็กในคาถา อย่างไรเสีย เพราะการแข่งขันในระดับเยาวชนภายในทีม ใช่ว่านักเตะทุกคนจะผ่านเกณฑ์ไต่เต้าสู่ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ทีมสำรอง ไปจนถึงทีมชุดใหญ่ได้ทั้งหมด 

ที่สุดแล้ว เบนจามิน ไวท์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ไม่ได้ไปต่อกับระบบเยาวชนทัพ เดอะ เซนต์ ในวัย 16 ปี เขาถูกสโมสรปล่อยตัวพร้อมอนาคตที่ต้องกลับมาว่ากันใหม่ แต่กระนั้น เพราะความแน่วแน่ของเขากับแรงสนับสนุนจากครอบครัว โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ที่ไม่ถอดใจติดต่ออคาเดมีน้อยใหญ่เพื่อส่งลูกชายไปให้ถึงฝั่งฝัน 

ก่อนที่จะเป็น ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน ที่เล็งเห็นถึงความสามารถที่มีของไวท์ ซึ่งพร้อมจะปลุกปั้นไปสู่อนาคต และมันก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับครอบครัวไวท์ เพราะที่ตั้งของอคาเดมีสโมสรไม่ได้ไกลจากเมืองพูลมากเกินไป ทำให้ไวท์ กำลังจะได้นับหนึ่งใหม่อีกคำรบในฐานะเยาวชน เดอะ ซีกัลส์ และอย่างที่แฟนคลับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกรับรู้โดยทั่วกัน 

เมื่อไบรท์ตันเป็นทั้งโอกาสและเป็นเวทีพิสูจน์ความสามารถของไวท์ ก่อนพาตัวเองกลายเป็นนักเตะกองหลังค่าตัวแพง พร้อมด้วยฝีเท้าระดับแถวหน้าของวงการลูกหนังอังกฤษ

ดาวดังพรีเมียร์ลีกที่ยืนกรานว่าไม่ชอบดูบอล

พัฒนาการของ เบนจามิน ไวท์ ไปไกลกว่าที่ใครหลายคนคาดคิด จริงอยู่ที่ในสมัยเป็นแข้งยังบลัดทัพนกนางนวลแดนใต้ ไวท์จะถูกปล่อยให้ทีมระดับล่างยืมตัวเพื่อบ่มเพาะประสบการณ์ตามแพตเทิร์นเหมือนที่ทุก ๆ ทีมให้นักเตะอคาเดมีไปเก็บเลเวล ซึ่งไวท์ถูกปล่อยให้ทีมอย่าง นิวพอร์ต เคาน์ตี้ (ลีกทู), ปีเตอร์โบโรห์ ยูไนเต็ด (ลีกวัน) และ ลีดส์ ยูไนเต็ด (เดอะ แชมเปี้ยนชิพ) ยืมตัว ตามลำดับ 

กระทั่งถึงเวลาพอเหมาะพอเจาะ กับการลงเล่นให้ไบรท์ตันชุดใหญ่แบบเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยวในซีซั่น 2020-21 นี่คือซีซั่นเต็ม ๆ ที่เด็กหนุ่มวัย 23 ปีได้ลงสัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกเป็นหนแรกในชีวิต แม้ ไบรท์ตัน จะจบฤดูกาลดังกล่าวด้วยอันดับที่ 16 ซึ่งเป็นอันดับค่อนล่างของตารางลีก แต่นักเตะคนหนึ่งของทีมที่ถูกยกย่องมากเป็นพิเศษ และเนื้อหอมยิ่งกว่าใคร ๆ ก็คือไวท์ กับช่วงชีวิตครั้งแรกบนเวทีพรีเมียร์ลีก ดาวเตะผู้ที่ไม่ชอบดูบอลรายนี้ลงสนามในลีกไปถึง 36 เกม 

เบน ไวท์ พกความสามารถเฉพาะตัวในฐานะกองหลังสารพัดประโยชน์ เล่นได้ทั้งปราการหลังตัวกลางและฟูลแบ็ก เป็นกองหลังรูปร่างใหญ่ที่เล่นบอลกับเท้าได้ดี โดดเด่นจนมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ ชุดลุยฟุตบอลยูโร 2020 (แข่งปี 2021) และที่สำคัญ เขามีดีกรีเป็นแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรด้วย 

เวลาต่อจากนั้น กลายเป็นว่า ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน เริ่มเล็กไปสำหรับตัวของเขาเสียแล้ว ก่อนจะเป็นอาร์เซนอล ของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ที่เล็งเห็นถึงความเป็นแนวรับสมัยใหม่ ที่อายุอานามยังน้อย เป็นเหตุให้ เดอะ กันเนอร์ส เลือกปล่อย ดาวิด ลุยซ์ ที่อยู่ในวัยโรยรา และกระชากตัว เบน ไวท์ ในฐานะเกมรับเอนกประสงค์มาสวมเสื้อหมายเลข 4 ด้วยค่าตัวถึง 50 ล้านปอนด์ ในซีซั่น 2021-22

จากฤดูกาล 2021-22 มาจนถึงฤดูกาลล่าสุด (2023-24) หากไม่เจ็บไม่แบน เบน ไวท์ ก็จะเป็นฟันเฟืองของอาร์เซนอลชุดไล่ล่าความสำเร็จ โดยเฉพาะโทรฟี่พรีเมียร์ลีก ซึ่งสโมสรห่างหายจากแชมป์นี้มาตั้งแต่ยุคไร้พ่ายซีซั่น 2003-04 นั่นเพราะมาตรฐานการเล่นของเขายังไม่เคยตกลงไปแต่อย่างใด 

นักเตะอย่าง เบน ไวท์ ไม่ได้มีพื้นฐานหรือแรงบันดาลใจผ่านการดูฟุตบอล หรือ ติดตามกีฬาชนิดนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ถึงอย่างไร ตัวของแนวรับวัยเบญจเพสรายนี้ก็ยังคงสนุกกับกีฬาลูกหนังในฐานะ “ผู้เล่นมากกว่าผู้ชม” ยิ่งไปกว่านั้น เขายังหนักแน่นกับแนวคิดและแนวปฏิบัติในการนำสองสิ่งนี้มาปรับใช้กับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้อย่างกลมกลืน นั่นคือเขาพยายามทำทุกสิ่งอย่างให้เสร็จสิ้นตั้งแต่การฝึกซ้อม 

ไม่ว่าจะการลงซ้อมในสนามหญ้าและเรียนรู้จากคำแนะนำของโค้ช หากต้องดูฟุตบอลเขาก็ดูในแง่ของการทำงานมากกว่าดูเพื่อความบันเทิง ทั้งหมดนี้มันแปรเปลี่ยนออกมาเป็นมาตรฐานการเล่นที่ไม่เคยตก

นั่นคือวิธีการจัดการชีวิตในแบบของผม เมื่อผมเข้ามาในสนามฝึกซ้อม ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับฟุตบอล มีสมาธิเต็มร้อย และเมื่อผมเสร็จสิ้นภารกิจผมก็ปิดเรื่องพวกนี้ลง ผมรู้ว่านักเตะบางคนชอบที่จะอยู่กับฟุตบอลตลอด 24 ชั่วโมงในทุก ๆ วัน แต่สำหรับผม ผมทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าผมทำแบบนั้นผมคงไม่สามารถทำทุกอย่างได้เหมือนตอนนี้ ผมคิดว่ามันเป็นความสมดุลที่ดีสำหรับตัวผมนะ” แนวรับตัวเก่งเปิดใจ

บล็อกข่าวรายวัน ประวัติ เบน ไวท์ กองหลังที่ยืนยันว่าเขาไม่ชอบดูบอล

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

  • ปีกผู้เป็นตำนาน อาร์เซนอล อันเดรย์ อาร์ชาวิน คลิ๊ก!!
  • อาร์เซนอล ควันหลงหลังเกมกับปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในรอบ 10 ปี คลิ๊ก!!
  • วิเคราะห์สิ่งที่จะทำให้ อาร์เซนอล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาลนี้ คลิ๊ก!!

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *