อัลเบิร์ต แซมบี้ โลกอนก้า ย้ายมาร่วมงานกับ อาร์เซนอล ด้วยสัญญาระยะยาวพร้อมกับค่าตัวเบ็ดเสร็จ 18 ล้านปอนด์ จากอันเดอร์เลชท์ ทีมที่เขาเป็นจบฤดูกาลสุดท้ายกับทีมในฐานะของกัปตันทีมสโมสร รวมถึงการติดทีมชาติเบลเยี่ยมเป็นครั้งแรก
เป็นของขวัญหลังจากย้ายมาที่อาร์เซนอลไม่กี่เดือนในเกมพบกับ เอสโตเนีย “ผมยังคงไม่ลืมในช่วงท้าย ๆ ฤดูกาลที่อันเดอร์เลชท์ ประธานสโมสรก็เรียกผมมาคุยว่าผมสนใจจะย้ายไปเล่นกับ อาร์เซนอล ไหม ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากนักกับการเลือกจะตอบตกลง ผมต้องการย้ายเพราะผมคิดว่าผมพร้อมแล้ว การมาเล่นที่นี่ ใครก็บอกว่านี่คือลีกที่ดีที่สุดในโลก ผมก็อยากมาลองให้มันรุ้ว่ามันเป็นแบบที่เราเห็นหรือเปล่า และเมื่อมาถึงที่นี่ ลีกนี้มันต่างกับเบลเยี่ยมมาก ๆ เร็วกว่าแข็งแรงกว่า และเล่นกันดุดันกว่ามาก ถึงวันนี้ผมก็ยังคิดว่าตัวเองต้องปรับตัวอีกมากกับการเล่นในพรีเมียร์ลีก”
ความเชื่อมั่นในแผนงาน หรือ Trust the Process
ด้วยแนวคิดการทำงานที่เรียกว่า “Trust the Process” หรือความเชื่อมั่นในแผนงานของทีม อาร์เตต้า เข้ามาหรือระบบการสร้างทีมที่เน้นในเรื่องของการเฟ้นหา นักเตะ อายุน้อยที่มีประสบการณ์ในลีกอาชีพมาพอสมควร หรือมีประสบการณ์ในระดับทีมชาติมาบ้างเข้ามาเสริมทีม
สร้างเป็นกลุ่มนักเตะรุ่นใหม่ของทีมที่จะเป็นกำลังของทีมในอนาคต และ โลกอนก้า คือหนึ่งในคนที่พวกเขาเลือกมาสู่ทีม หลังผ่าน 78 เกมในระดับอาชีพกับอันเดอร์เลชท์มาแล้ว เพื่อเป้าหมายในการพา อาร์เซนอล กลับไปเล่นฟุตบอลยุโรปรายใหญ่ที่สุดอย่างยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้งให้ได้
ในฐานะของเด็กหนุ่มที่เพิ่งย้ายมาเล่นยังต่างประเทศครั้งแรก “การปรับตัว” คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องของสภาพร่างกายที่ต้องแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาในแบบที่ต้องมีความสมดุล ทั้งกล้ามเนื้อ ความรวดเร็ว และแข็งแรง และเกมแรกของเขามาถึงทันที
เมื่อทีมยังไม่เข้าที่เข้าทาง และเขาถูกส่งลงสนามในเกมพบกับ เบรนท์ฟอร์ด ตามด้วยเชลซี และทั้งสองเกมจบลงด้วยความพ่ายแพ้ พอเข้าสู่เกมที่สาม ในการพบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาร์เซนอล มีการปรับแผนมาเล่นกองหน้าเพียงคนเดียว และ โลกอนก้า ถูกดรอปไว้ข้างสนามตลอด 90 นาทีเต็ม และได้เห็นความพ่ายแพ้ของทีมแบบยับเยิน 5-0 “มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก ผมอับอายกับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากคนที่ลงสนามเลย ใครก็พูดถึงการครองบอล 81 % ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในครึ่งหลัง แต่ใครเหล่านั้นคงลืมว่า อาร์เซนอล เหลือ 10 คนตั้งแต่นาทีที่ 35”
ความพ่ายแพ้ที่ มิเกล อาร์เตต้า โดนแฟนบอลอาร์เซนอลโห่ใส่พร้อมกับการขับไล่ #ArtetaOut กันอย่างมากมาย ตอนนี้เองพวกเขากลับมาสู่ทิศทางที่ดีขึ้น พวกเขาเอาชนะได้อย่างต่อเนื่องมากขึ้น จนมาถึงวันนี้ที่ทีมในยุคของอาร์เตต้ากลับกลายเป็นทีมที่เบียดลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกมาได้สองฤดูกาลติดต่อกัน
อาร์เตต้า สัญญาจะหาโอกาสให้ อัลเบิร์ต โลกอนก้า
ขณะเดียวกัน โลกอนก้า ในช่วงเวลานั้นก็ได้รับในสิ่งที่ อาร์เตต้า สัญญากับเขานั่นคือ “โอกาส” ในการลงสนาม เขาจะได้รับโอกาสแรกเสมอ ทุกครั้งที่ทีม ไม่มี กรานิท ชาก้า หรือว่า โธมัส ปาเตย์ อยู่ในทีมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปี 2021
ที่เขาได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่ผลงานของเขาก็ยังไม่ดีพอสำหรับการให้ อาร์เซนอล ประสบความสำเร็จในฟุตบอลถ้วยทั้งสองรายการ กับ เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ ซึ่งจบลงด้วยการตกรอบทั้งสองรายการในเวลาห่างกันเพียง 11 วัน และนั่นทำให้ โลกอนก้า เริ่มถูกมองว่า “ดีไม่พอ” สำหรับอาร์เซนอล แต่มันไม่ใช่เลยสำหรับ มิเกล อาร์เตต้า ที่ระบุชัดว่าเด็กคนนี้กำลังเติบโตขึ้นจาก ประสบการณ์ และความเจ็บปวดบนความชัยชนะและพ่ายแพ้ในแต่ละเกม “ผมคิดว่าเขากำลังเติบโตขึ้น เขาจะดีกว่านี้ ดีกว่าที่เป็นอย่างแน่นอน ผมไม่มีทางเลือกในการจัดทีมมากนัก แต่ผมเลือกเขาเพราะเขามีคุณภาพพอที่จะได้รับโอกาส ผมคิดว่าเขามีเกมที่ดีหลายเกม เข้าใจเกมมากขึ้น ร่างกายก็มีพัฒนาที่ดีขึ้น มีคนถามผมเยอะมากว่าทำไมถึงเลือกเซ็นสัญญากับเขา อะไรคือสิ่งที่ผมคาดหวัง สำหรับผมแล้วปีแรกของแซมบี้ คือการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ เขาได้รับโอกาสลงสนามมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้ เด็กคนนี้พยายามอย่างเต็มที่แล้วนั่นคือสิ่งที่ผมเห็น” มิเกล อาร์เตต้า กล่าว
ระบบทีมที่เอื้อให้กับตำแหน่งของ โลกอนก้า ได้แสดงความสามารถ
ด้วยระบบการเล่นของทีมมาตรฐานคือ 4-2-3-1 โลกอนก้า เข้ามาเป็นทางเลือกที่สามารถลงเล่นได้ทั้งกองกลางตัวรับ หรือกองกลางแบบ Box to Box ที่เจ้าตัวยืนยันว่าเขาสามารถลงเล่นได้ทั้งสองตำแหน่ง แต่คนมองเขาเป็นกองกลางตัวรับมากกว่า
และเขาก็ยังคงได้รับการพัฒนาต่อไปจากทีมงาน อาร์เซนอล ซึ่งระบุว่าเขาจะเป็นกองกลางตัวรับที่จะเป็นอนาคตของทีมต่อไปในช่วง 2-3 ปีหลังจากนี้ เช่นเดียวกับนักเตะดาวรุ่งอีกหลายคนในทีมที่จะได้รับการฝึกฝนและเรียนรู้กับทีมในตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อในวันหนึ่งที่พวกเขากลายเป็นตัวหลัก
เขาก็จะต้องมาเป็น “แบบอย่าง” ต่อไปให้กับรุ่นน้อง หรือ นักเตะใหม่ที่จะเข้ามาสู่ทีมต่อไป “ผมเจอกับเรื่องอะไรหลายอย่าง มันเร็วกว่าที่ผมคิดไว้มากที่ได้มีส่วนร่วมกับทีม ผมอาจจะเตรียมร่างกาย จิตใจในการเล่นฟุตบอลกับที่นี่ไว้แล้ว แต่มันก็ยังต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น ผมคงไม่บอกว่าตัวเองเป็นนักเตะที่มีศักยภาพที่พร้อม แต่ผมคิดว่าผมมีในสิ่งที่ทีมต้องการ เป้าหมายของผมคือการเรียนรู้ และต่อสู้เพื่อโอกาสในการลงเล่น ซึ่งที่ผ่านมา ผมคิดว่าผมได้รับโอกาสมาบ้างแล้ว มันเป็นไปอะไรที่ผมคิดว่าผมมาถูกทางแล้วล่ะ สิ่งที่ผมจะพูดมันอาจเป็นคำตอบที่เตรียมไว้แล้ว แต่ผมอยากบอกว่า การที่เราเริ่มต้นอย่างยากลำบากและเราสามารถกลับมาได้มันทำให้เราทุกคนแข็งแกร่งขึ้น แม้กระทั่งทีมงานทุกคนก็เหมือนกัน เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว มีเป้าหมายแบบเดียวกันผู้จัดการทีมคุยกับผมเยอะมาก ซึ่งผมชอบแบบนั้นนะ เขาพยายามให้ผมมีสมาธิกับการซ้อม มุ่งมั่นกับงานให้เต็มที่ เขาพอใจกับสิ่งที่ผมทำออกมาระดับหนึ่ง ผมพอใจนะที่ได้ยินแบบนั้น แต่ผมอยากบอกเขาว่าเขาจะได้เห็นฟอร์มทีดีกว่านี้จากผม นั่นคือเป้าหมายต่อไป”
บล็อกข่าวรายวัน การปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลและชีวิตที่อังกฤษของ อัลเบิร์ต โลกอนก้า
ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง